1 พฤศจิกายน 2559

PHARMA NEWS

ฉบับประจำวันที่ 1  พฤศจิกายน  2559

ข่าวจากกลุ่มงานเภสัชกรรม

รายการยาใหม่ในโรงพยาบาล

          

1. Risperidone solution 1 mg./ml.

ชื่อการค้า : Rispel ®

ตัวยาสำคัญ : Risperidone 1 mg./ml (0.1 %)

ลักษณะยา : เป็นยาน้ำ บรรจุในขวดแก้วป้องกันแสง มีหลอดสำหรับบริหารยา บรรจุในกล่องยา

ข้อบ่งใช้ :  เป็นยารักษาโรคจิตเภทชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง รวมทั้งโรคจิตอื่นๆที่มีอาการทางบวก (positive symtoms) และ กลุ่มอาการทางลบ (negative symptoms) 

ขนาดยา : ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์

ผลการดำเนินการกิจกรรม Drug Reconcile 

     กลุ่มงานเภสัชกรรม แผนกผู้ป่วยนอก ได้มีการติดตามการใช้ยาของผู้ป่วย เปรียบเทียบยาเดิมก่อนที่จะเข้ารับกาารักษาในโรงพยาบาล  กับยาที่แพทย์สั่ง ได้มีการรณรงค์ให้ผู้ป่วยนำยาเดิมมาที่โรงพยาบาลทุกครั้งที่มาพบแพทย์ ผ่านกิจกรรมถุงผ้า เมื่อผู้ป่วยนำยาเดิมมา จะมอบถุงผ้าให้กับผู้ป่วยเพื่อใส่ยาเดิม เภสัชกรจะทำการเปรียบเทียบรายการยาที่ผู้ป่วยเคยได้รับ กับยาที่ผู้ป่วยได้รับใหม่ ทั้งชื่อยา ขนาดรับประทาน ความถี่ วิธีใช้ยา  หากเป็นรายการยาเดิมที่เคยได้รับ และผู้ป่วยมียาเดิมเหลืออยู่ จะนำยาเดิมของผู้ป่วยมาใช้ต่อ ทำให้ลดปัญหาการใช้ยาซ้ำซ้อน ยาเสื่อมสภาพหรือหมดอายุ โรงพยาบาลสามารถประหยัดค่ายาได้อีกด้วย
          จากการดำเนินการในปีงบประมาณ 2559 พบว่า มีผู้ป่วยที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 3,975 คน โรงพยาบาลนำยาเดิมของผู้ป่วยมาใช้ ทำให้สามารถประหยัดค่ายาได้ 1,412,842.65 บาท  

กราฟจำนวนผู้ป่วยที่เข้าร่วมกิจกรรมถุงผ้ารายเดือน

กราฟแสดงมูลค่ายาที่นำกลับมาใช้รายเดือน

ความรู้คู่ยา

การเกิดกลุ่มอาการทางจิตเวชหลังจากการใช้ยา finasteride

          สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ขอแจ้งเตือนเรื่องการเกิดอาการทางจิตเวช ภายหลังจากการใช้ยา finasteride ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยอาการดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่พบได้น้อย แต่มีความรุนแรง โดยมีรายงานว่าอาการดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากการใช้ยาไปแล้วเป็นเวลา 3-4 เดือน
          สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้รับรายงานจากผู้บริโภคแจ้งว่าได้มีการใช้ยา finasteride 1 mg. เพื่อรักษาอาการผมร่วง โดยรับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาหลายปี โดยเริ่มพบความผิดปรกติทางด้านจิตและประสาทหลังจากใช้ยาติดต่อเป็นระยะเวลา 4 เดือน อาการที่พบได้แก่ ภาวะซึมเศร้า มีอาการวิตกกังวล รวมถึงมีความจำที่ลดลง ซึ่งต่อมาแพทย์วินิจฉัยว่าอาการที่พบสัมพันธ์กับยา finasteride
          ฐานข้อมูลทะเบียนตำรับยาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  พบยาที่ได้รับอนุมัติทะเบียนตำรับยาที่มี finasteride เป็นส่วนประกอบทั้งหมด 14 รายการ มีความแรง 2 ขนาด ได้แก่ 1 mg. และ 5 mg. (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2559 ) ขนาด 1 mg. มีข้อบ่งใช้เพื่อรักษาอาการผมร่วงในผู้ชาย (Androgenetic alopecia) โดยมีผลเพิ่มการงอกของเส้นผม และป้องกันไม่ให้ผมร่วงอีก และขนาด 5 mg. มีข้อบ่งใช้เพื่อรักษาโรคต่อมลูกหมากโตชนิดไม่เป็นอันตรายร้ายแรงแบบมีอาการในผู้ป่วยที่มีต่อมลูกหมากขยายใหญ่เพื่อ 
1. ทำให้อาการดีขึ้น
2. ลดความเสี่ยงของการเกิดปัสสาวะคั่งเฉียบพลัน
3. ลดความเสี่ยงของความจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดรวมทั้งการผ่าตัดต่อมลูกหมากโดยวิธีส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะและการผ่าตัดต่อมลูกหมากทางหน้าท้อง ( prostatectomy)
          ยา finasteride ที่มีในโรงพยาบาลพุทธโสธร มีขนาด 5 mg. โดยมีการสั่งใช้ยาในข้อบ่งใช้ เพื่อรักษาโรคต่อมลูกหมากโต จากการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ในการใช้ยายังไม่พบอาการไม่พึงประสงค์ ที่เกิดอาการทางจิตเวชดังกล่าว

ยา finasteride ที่มีในโรงพยาบาลพุทธโสธร

reference : ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยจากการใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพ.(2559).การเกิดกลุ่มอาการทางจิตเวชภายหลังจากการใช้ยา finasteride .เข้าถึงได้จาก http://thaihpvc.fda.moph.go.th/thaihvc/Public/NewsAdr/uploads/hpvc_538.pdfreference(วันที่ค้นข้อมูล : 30 ตุลาคม 2559)

ความเสี่ยงระบบยา

  ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา

         ผู้ป่วยหญิงไทย  เข้ารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอก แพทย์สั่งยา 3 รายการ ดังใบสั่งยา  

          จากใบสั่งยา ห้องยาได้จ่ายยา 3 รายการ ได้แก่ 
1. paracetamol 500 mg. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง เวลามีอาการ
2. Ibuprofen 400 mg. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
3. clindamycin  250 mg. รับประทานครั้งละ 2 เม็ด หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น 
          หลังจากที่ได้จ่ายยาไปแล้ว ทบทวนใบสั่งยาอีกครั้ง พบว่า รายการยาลำดับที่ 3 อาจจะเป็นยา drimenhydrinate ซึงเป็นยาแก้วิงเวียนศรีษะ จึงได้สอบถามกับแพทย์ผู้สั่งยา แพทย์ได้ยืนยันว่าเป็นยา dimenhydrinate จึงได้ติดต่อผู้ป่วยให้กลับมาเปลี่ยนยาใหม่ ผู้ป่วยยังไม่ได้รับประทานยา
          จากความเสี่ยงที่พบ ได้มีการแจ้งเตือนในระบบ ให้มีการระวังในการอ่านใบสั่งยา เนื่องจากการเขียนชื่อยาที่มีความคล้ายกัน และขอความร่วมมือแพทย์ผู้สั่งยา ให้เขียนคำสั่งยาให้ชัดเจน