1 August 2013


PHARMA  NEWS

ฉบับประจำวันที่ 1 สิงหาคม  2556


ข่าวจากฝ่ายเภสัช

รายการยาเข้าใหม่ในโรงพยาบาล

1. metronidazole syrup

ชื่อการค้า : Flagyl-S

ปริมาณตัวยา : ใน 1 ช้อนชา ประกอบด้วยตัวยา metronidazole 200 mg. ใน  1 ขวด มียา  100 ml. 

ลักษณะยา : เป็นยาน้ำแขวนตะกอน

บริษัทผู้ผลิตและจำหน่าย  : ผลิตโดย บริษัท Unither Liquid Manufacturing,Colomier,France นำเข้าและจำหน่ายโดย บริษัท Zanofi

 

 

 

 

อย.เผยผลตรวจพิสูจน์ผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวลักลอบใส่ยาลดความอ้วน เฟนฟลูรามีน 

      พบผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวและจมูก ข้าวชนิดแคปซูล ตราออริซานอล เลขสารบบอาหาร        ที่ 10-1-00653-3-0006 ลักลอบใส่ยาลดความอ้วน เฟนฟลูรามีน (Fenfluramine) ซึ่งเป็นยาที่เพิกถอนทะเบียนแล้ว ตั้งแต่ปี 2543 เพราะอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดภาวะความผิดปกติของลิ้นหัวใจ จัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์          มีสิ่งน่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพเจือปน อย.สั่งให้ผู้ผลิตงดผลิต และเร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
           ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ส่งตรวจวิเคราะห์  ที่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปรากฏพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบรรจุแผงบริสเตอร์สีเงิน รวมบรรจุในกล่องกระดาษสีเขียว ฉลากระบุผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวชนิดแคปซูล ออริซานอล     เลขสารบบอาหาร ที่ 10-1-00653-3-0006 MFG 03/2012 EXP 03/2014 น้ำหนักสุทธิ 44 กรัม (60 แคปซูล) ผลิตโดย บริษัท สยาม ไบโอเบสท์ จำกัด เลขที่ 304 ซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) ถนนลาดพร้าว                แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร จัดจำหน่ายโดย บริษัท เพรสซิเด็นท์ เกรน พรอดักส์ จำกัด เลขที่ 302 ถนนศรีวรา-ทาวน์อินทาวน์ แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310 ผสมยาลดความอ้วน เฟนฟลูรามีน (Fenfluramine) จึงจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ ตามมาตรา 26 (1) เป็นอาหาร        ที่มีสิ่งน่าจะเป็นอันตรายแก่สุข ภาพเจือปน ฝ่าฝืนมาตรา 25 (1) โทษตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
         รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทาง อย.อยู่ในระหว่างดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมเตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อ คารมของผู้จำหน่าย โดยเฉพาะอ้างว่ารับประทานแล้วทำให้น้ำหนักลด   เพราะอาหารไม่ใช่ยา จะลดความอ้วนไม่ได้ และมักพบการลักลอบใส่ยาลดความอ้วนซึ่งมีผลข้างเคียงสูง หากไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์อาจทำให้เกิดอันตราย โดยเฉพาะในกรณีนี้พบยาลดความอ้วน เฟนฟลูรามีน (Fenfluramine) ซึ่งเป็นยาที่ถูกเพิกถอนทะเบียนตำรับยา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เนื่องจากไม่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้ยา โดยปรากฎข้อมูลการศึกษาวิจัยพบว่า ยาเฟนฟลูรามีน (Fenfluramine) มีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะความผิดปกติของลิ้นหัวใจ (Valvular heart Disease) อาจเกิดความเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้           ทั้งนี้ หากต้องการลดความอ้วนควรเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำ เสมอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ไม่รับประทานอาหารจุบจิบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบเห็นการผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผิดกฎหมาย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน อย. 1556 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

http://www.moph.go.th/ops/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=56916

ผลการทำกิจกรรม Medication Reconciliation

       กลุ่ม งานเภสัชกรรม โรงพยาบาลพุทธโสธร ได้มีการดำเนินกิจกรรม ทบทวนการใช้ยาของผู้ป่วย ที่เป็นโรคเรื้อรัง เมื่อเข้าทำการนอนรักษาตัว เป็นผู้ป่วยใน โรงพยาบาล  โดยเปรียบเทียบ ยาที่ผู้ป่วยได้รับทั้งหมด ตั้งแต่อยู่ที่บ้าน รับยามาจากโรงพยาบาลอื่น ยาที่แพทย์สั่งขณะที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล และยาที่แพทย์สั่งเมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน เพื่อลดความคลาดเคลื่อนจากการใช้ยา  ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างต่อเนื่อง ลดความซ้ำซ้อนจากการกินยา ได้มีการดำเนินการครอบคลุมทุกหอผู้ป่วย อย่างเป็นระบบ สามารถสรุปผลการดำเนินการ เดือน กรกฎาคม  2556 ดังนี้

     จำนวนใบสั่งยา ที่ดำเนินกิจกรรม medication reconciliation  45 ใบสั่งยา หอผู้ป่วยที่มีการทบทวนใบสั่งยา มากที่สุด คือ หอผู้ป่วยอายุรกรรม  28 รายละเอียดดังกราฟ

กราฟแสดงจำนวนผู้ป่วย (ราย) ในหอผู้ป่วยที่ทำ Medication Reconciliation

            จากการดำเนินกิจกรรม medication reconciliation กลุ่มงานเภสัชกรรมได้ติดตามทบทวนการใช้ยาของผู้ป่วยใน ทุกหอผู้ป่วย ผลการติดตามในภาพรวม ตั้งแต่เดือน ตุลาคม  2555 ถึง เดือน มีนาคม 2556 เป็นดังนี้

               กราฟแสดงร้อยละ ของการทำ Medication Reconciliation  


          จากกราฟ จะเห็นว่า
สามารถ ติดตามยาเดิมของผู้ป่วยได้ มากกว่าร้อยละ 80  แต่ยังไม่ถึง  100 % เฉลี่ยแล้วติดตามได้ ร้อยละ 85.85 เนื่องจากผู้ป่วยบางราย เข้ามารักษาไม่นาน เมื่อเภสัชกรไปติดตามการใช้ยาที่หอผู้ป่วย พบว่า แพทย์มีคำสั่งให้กลับบ้านไปแล้ว

ทบทวนความเสียง เพื่อการป้องกันเชิงระบบ

          ปัญหาความคลาดเคลื่อนในการสั่งยา เรื่อง การสั่งยา ที่ คำสั่งใช้ยาในใบสั่งยา และใน  OPD card ไม่ตรงกัน ยังคงพบปัญหาอยู่ ซึ่ง ในเดือน มิถุนายน 2556  พบผู้ป่วย  1 ราย รายละเอียดดังนี้

     วันที่  18 มีนาคม 2556 ผู้ป่วยมารับการตรวจที่ แผนก ผู้ป่วยนอก แพทย์สั่งยา ในใบสั่งยา ดังภาพ ห้องยา จ่ายยาตามใบสั่งยา 



ใบสั่งยา วันที่ 18 มีนาคม 56

          ซึ่งรายการยา  HCTZ แพทย์สั่งยา โดยเขียนในใบสั่งยา ว่า กินครั้งละ ครึ่ง เม็ด วันละ  1 ครั้ง หลังอาหาร เช้า  90 เม็ด

         วันที่ 17 มิถุนายน 56 ผู้ป่วยมาพบแพทย์ตามนัด แพทย์สั่งยา ตามเดิม แต่สั่งยา HCTZ เป็น กินครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า เพิ่มขนาดยาจากเดิม  

ใบสั่งยาวันที่ 17 มิถุนายน 56

         

           สอบถามผู้ป่วย ว่ามีการปรับขนาดยาหรือไม่ ผู้ป่วยไม่แน่ใจ จึงได้ปรึกษาแพทย์ เพื่อยืนยันการสั่งยา แพทย์แจ้งว่าประวัติการสั่งยา HCTZ ใน OPD card วันที่ 18 มีนาคม 56 เป็น กินครั้งละ  1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หลังอาหารเช้า 

          จึงได้ติดตามประวัติ ใน  OPD card วันที่  18 มีนาคม 56  พบว่า บันทึก การสั่งยา  HCTZ เป็น  1x1 ซึ่งไม่ตรงกับการสั่งยาในใบสั่งยา ดังภาพ

 

OPD card วันที่  18 มีนาคม 56



          จึงทำให้แพทย์เข้าใจว่า ผู้ป่วย กินยา HCTZ เป็น  1  เม็ด หลังอาหารเช้า แต่จริงๆแล้ว ผู้ป่วยกินยา เป็น ครึ่งเม็ด หลังอาหารเช้า ตามคำสั่งใช้ยาในใบสั่งยา










ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

16 february 2015

มกราคม 2560