เมษายน 2559
PHARMA NEWS
ฉบับประจำวันที่ 1 เมษายน 2559
ข่าวจากกลุ่มงานเภสัชกรรม
กิจกรรมประชุมวิชาการ
กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลพุทธโสธร ขอเชิญบุคลากรทางการแพทย์ เข้าร่วมประชุมวิชาการ ดังนี้
1. โครงการอบรมเครือข่ายสาขากุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพุทธโสธร
วันที่ 12 พฤษภาคม 2559
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารอำนวยการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
เวลา 8.30 - 9.00 น. พิธีเปิดโครงการอบรม
โดย นพ.สมบัติ ชุติมานุกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธโสธร
เวลา 9.00 - 12.00 น. บรรยายเรื่อง โรคอ้วนในวัยเด็กและแนวทางแก้ไข
โดย ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงชุติมา ศิริกุลชยานนท์
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เวลา 12.00 - 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
เวลา 13.00 - 14.30 น. บรรยายเรื่อง ยาที่ใช้บ่อยในผู้ป่วยเด็ก โรงพยาบาลพุทธโสธร
โดย ภญ.มาศสุภา บำรุงจิตต์
เภสัชกรปฏิบัติการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
โดย ภญ.มาศสุภา บำรุงจิตต์
เภสัชกรปฏิบัติการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
เวลา 14.30 น. - 16.30 น. บรรยายเรื่อง ยาเตรียมสำหรับผู้ป่วยเด็กเฉพาะราย
โดย ภก. เรวัติ จันทร์เจริญผล
เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
โดย ภก. เรวัติ จันทร์เจริญผล
เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
2. โครงการอบรมเครือข่ายสาขาทารกแรกเกิด โรงพยาบาลพุทธโสธร
วันที่ 13 พฤษภาคม 2559
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารอำนวยการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
เวลา 8.30 - 9.00 น. พิธีเปิดโครงการอบรม
โดย นพ.สมบัติ ชุติมานุกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพุทธโสธร
โดย พญ.รุจิรัตน์ ปุณยลิขิต นายแพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลพุทธโสธร
เวลา 10.30 - 12.00 น. บรรยายเรื่อง โรคและอาการเจ็บป่วยที่พบบ่อยในทารกแรกเกิดหลังจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล
โดย นางสาวอุษา จำปา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
เวลา 12.00 - 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
โดย นางสาวอุษา จำปา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
เวลา 12.00 - 13.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน
เวลา 13.00 - 14.00 น. บรรยายเรื่อง วัคซีนที่ใช้ในทารกแรกเกิด
โดย ภก. เจนณรงค์ ฝีปากเพราะ เภสัชกรปฏิบัติการ โรงพยาบาลพุทธโสธร
เวลา 14.30 - 16.30 น. บรรยายเรื่องการดูแลด้านโภชนาการในทารกเกิดก่อนกำหนดหลังออกจากโรงพยาบาล
โดย ภญ. สุชาดา จาปะเกษตร์ เภสัชกรชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลพุทธโสธร
ความรู้คู่ยา
ข้อควรระวังในการใช้ยารักษาโรคไมเกรน
ยาเออร์โกตามีน (Ergotamine ) ใช้ในการรักษาโรคไมเกรน รู้จักกันดีในชื่อการค้า carfergot โดยออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือด เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการหดตัว นอกจากนี้ ergotamine ยังแข่งขันกับสารสื่อประสาทในสมอง ชื่อ serotonin จึงเป็นเหตุสนับสนุนการหดตัวของหลอดเลือดบริเวณสมองอีกทางหนึ่ง ซึ่งจากการหดตัวของหลอดเลือดสมองที่พอดีและเหมาะสม จะส่งผลให้อาการปวดศรีษะจากไมเกรนทุเลาลง หากร่างกายได้รับยานี้ในขนาดสูงมากๆ อาจได้รับอันตรายจากภาวะหลอดเลือดอุดตัน หรือภาวะเนื้อตาย ด้วยขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะนั้นๆ
จากข้อมูลศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Thai vigibase) พบรายงานการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยา Ergotamine จำนวนทั้งสิ้น 684 ฉบับ (ข้อมูล ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559) โดยพบรายงานการเกิด Ergotism จำนวน 30 ฉบับ ในจำนวนนี้เป็นรายงานที่เกิดปฏิกริยาระหว่างยาที่มีส่วนประกอบของ ergotamine และยาอื่นๆทั้งสิ้น 22 ฉบับ เป็นชนิดร้ายแรง 20 ฉบับ โดยทำให้เกิดความพิการและอันตรายถึงชีวิตอย่างละ 1 ฉบับ รายงาน 22 ฉบับ มีระดับความสัมพันธ์ใช่แน่นอน (certain) 4 ฉบับ อาจจะใช่ (probable) 11 ฉบับ น่าจะใช่ (possible) 7 ฉบับ เมื่อพิจารณารายการยาที่ได้รับร่วมกัน พบว่าเป็นรายงานที่เกิดจากปฏิกริยาระหว่างยาที่มีส่วนประกอบของ ergotamine และยากลุ่ม protease inhibitor จำนวน 17 ฉบับ (77.3%) ยากลุ่ม macrolide จำนวน 3 ฉบับ (13.6%) และยากลุ่ม antifungal drug จำนวน 2 ฉบับ
Ergotism เป็นภาวะที่มีการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลายไม่เพียงพอ อาการแสดงภาวะดังกล่าวเช่น แขน ขา มีอาการเย็น ชา เจ็บแปลบตามปลายมือ ปลายเท้า หรืออาจมีแผลเนื้อเน่าจากการตายของเนื้อเยื่อ (gangrene) เป็นต้น ซึ่งภาวะดังกล่าวเกิดจากพิษของ ergotamine ซึ่งอาจเกิดจากการได้รับยาอื่นที่มี ปฏิกริยากับยา ergotamine
ปฏิกริยาระหว่างยา ergotamine กับยาอื่นๆ
- ยา ergotamine กับยาปฏิชีวนะกลุ่ม macrolide การใช้ยาร่วมกันส่งผลให้ระดับของยา ergotamine เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีอาการของ ergotism ยาปฏิชีวนะกลุ่ม macrolide ได้แก่ clarithromycin, erythromycin, roxithromycin, azithromycin
- ยา ergotamine ร่วมกับกลุ่มยารักษาโรคติดเชื้อ HIV กลุ่ม protease inhibitor การใช้ยาร่วมกัน จะทำให้ระดับยา ergotamine ในเลือดสูงขึ้น มีผลให้หลอดเลือดดำตีบหรือแคบลง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ ergotism ยากลุ่ม protease inhibitor เช่น Indinavir, rithronavir, lopinavir, saquinavir, nelfinavir, tipranavir, samprenavir เป็นต้น
จากข้อมูลศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Thai vigibase) พบรายงานการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยา Ergotamine จำนวนทั้งสิ้น 684 ฉบับ (ข้อมูล ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559) โดยพบรายงานการเกิด Ergotism จำนวน 30 ฉบับ ในจำนวนนี้เป็นรายงานที่เกิดปฏิกริยาระหว่างยาที่มีส่วนประกอบของ ergotamine และยาอื่นๆทั้งสิ้น 22 ฉบับ เป็นชนิดร้ายแรง 20 ฉบับ โดยทำให้เกิดความพิการและอันตรายถึงชีวิตอย่างละ 1 ฉบับ รายงาน 22 ฉบับ มีระดับความสัมพันธ์ใช่แน่นอน (certain) 4 ฉบับ อาจจะใช่ (probable) 11 ฉบับ น่าจะใช่ (possible) 7 ฉบับ เมื่อพิจารณารายการยาที่ได้รับร่วมกัน พบว่าเป็นรายงานที่เกิดจากปฏิกริยาระหว่างยาที่มีส่วนประกอบของ ergotamine และยากลุ่ม protease inhibitor จำนวน 17 ฉบับ (77.3%) ยากลุ่ม macrolide จำนวน 3 ฉบับ (13.6%) และยากลุ่ม antifungal drug จำนวน 2 ฉบับ
Ergotism เป็นภาวะที่มีการหดตัวของหลอดเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนปลายไม่เพียงพอ อาการแสดงภาวะดังกล่าวเช่น แขน ขา มีอาการเย็น ชา เจ็บแปลบตามปลายมือ ปลายเท้า หรืออาจมีแผลเนื้อเน่าจากการตายของเนื้อเยื่อ (gangrene) เป็นต้น ซึ่งภาวะดังกล่าวเกิดจากพิษของ ergotamine ซึ่งอาจเกิดจากการได้รับยาอื่นที่มี ปฏิกริยากับยา ergotamine
ปฏิกริยาระหว่างยา ergotamine กับยาอื่นๆ
- ยา ergotamine กับยาปฏิชีวนะกลุ่ม macrolide การใช้ยาร่วมกันส่งผลให้ระดับของยา ergotamine เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีอาการของ ergotism ยาปฏิชีวนะกลุ่ม macrolide ได้แก่ clarithromycin, erythromycin, roxithromycin, azithromycin
- ยา ergotamine ร่วมกับกลุ่มยารักษาโรคติดเชื้อ HIV กลุ่ม protease inhibitor การใช้ยาร่วมกัน จะทำให้ระดับยา ergotamine ในเลือดสูงขึ้น มีผลให้หลอดเลือดดำตีบหรือแคบลง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ ergotism ยากลุ่ม protease inhibitor เช่น Indinavir, rithronavir, lopinavir, saquinavir, nelfinavir, tipranavir, samprenavir เป็นต้น
ทบทวนความเสี่ยง
ผลการทบทวนการเกิดแพ้ยาซ้ำ ปีงบประมาณ 2558
พบรายงานอุบัติการณ์การเกิดแพ้ยาซ้ำ 5 ครั้ง เป็นผู้ป่วยใน 3 ราย ผู้ป่วยนอก 2 ราย มีการวิเคราะห์หาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้
หน่วยงาน
|
รายการยา
|
level
|
สาเหตุ
|
แก้ไข/จัดการระบบ
|
ผู้ป่วยใน
|
Cephalexin
(แพ้ยาระหว่างกลุ่ม)
|
E
|
ผู้ป่วยมีประวัติแพ้ Penicillin ซึ่งทำไว้ตั้งแต่ปี
2550 ไม่ได้ทำการ update รหัสแพ้ยาตามข้อตกลงใหม่ ระบบ pop
up จึงไม่ขึ้น ห้องยาจ่ายยาออกไป
|
ทบทวนห้องยา
และระบบ
การตรวจสอบข้อมูลในคอมพิวเตอร์
update รหัสแพ้ยาในฐานข้อมูลตามข้อตกลงใหม่
|
ผู้ป่วยใน
|
Ceftriaxone
|
E
|
- ผู้ป่วยมีประวัติแพ้
Ceftriaxone
มีประวัติแจ้งรพ.แล้ว มีบัตรแพ้
ยา สติ๊กเกอร์ครบแต่มีคำสั่งใช้
ยา ห้องยาจ่ายยา และพยาบาล
บริหารยา
|
-
แจ้งทบทวนในหอผู้ป่วย นำข้อมูลแจ้งในระบบ PCT และแจ้งทุกหน่วยทบทวนระบบการป้องกันแพ้ซ้ำ
- ประสานงาน IT เรื่องการ
ขอ Blockไม่ให้คีย์ยาได้กรณีพบสั่งยาที่แพ้
|
ER
|
Aspirin
|
F
|
-ผู้ป่วยมีประวัติแพ้
Aspirin มี
ประวัติแจ้งรพ.แล้วมีบัตรแพ้
ยา สติ๊กเกอร์ครบแต่มีคำสั่งใช้
ยาที่มีประวัติแพ้และให้ยา
Stock Emergency แก่ผู้ป่วย
โดยไม่ผ่านระบบห้องยา
|
-แจ้งแพทย์และหน่วยงานโดยตรง
เน้นย้ำการคัดกรองประวัติแพ้ยา
-ประสานงาน
IT เรื่องการขอ Blockไม่ให้คีย์ยาได้กรณีพบสั่งยาที่แพ้
-จัดการประชุมวิชาการ
KM ADR ของระบบบยาเรื่องแพ้ยาซ้ำ
25
มิถุนายน 2558
|
สูติ-นรีเวช
|
Naproxen
(แพ้ยาระหว่างกลุ่ม)
|
E
|
-มีประวัติแพ้ยา
Ibruprofen
แพทย์
สั่งยา Naproxen
ที่มีโครง
สร้างเหมือนกัน
เภสัชConfirm
การใช้แพทย์
off ยา ห้องยาไม่ได้
จ่ายยาไป
พยาบาลเวรดึกไม่
ทราบorder off เอายาเตียงข้างๆ
มาบริหารให้ผู้ป่วย
|
-แจ้งหน่วยงานโดยตรง
เน้นย้ำการคัดกรองประวัติแพ้ยา
-เตรียมนำความเสี่ยงเข้า
PCT สูติ-นรีเวช เพื่อทบทวนระบบ
|
เภสัช
|
Sulfa
|
F
|
ผู้ป่วยมีบัตรแพ้ยาจากรพ.บางปะกง ระบุ Cotrimoxazole พยาบาล
เขียนตรงซักประวัติแล้วว่าแพ้
SULFA แพทย์สั่ง Diamox
เภสัชกรจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วย
ในใบสั่งยาเขียนว่า “ ให้ประวัติ
Cotrimox แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก” ยังไม่ได้บันทึก HIS / ไม่มี ติดSticker แพ้ยาที่ OPD card
|
ทบทวนระบบการซัก
ประวัติแพ้ยาก่อนจ่ายยาห้องOPD
-ทบทวนความรู้แก่เภสัชเรื่องการแพ้ยาข้ามกลุ่ม
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น