16 april 2556

PHARMA NEWS

 ฉบับประจำวันที่ 16 เมษายน    2556

ข่าวจากฝ่ายเภสัช


     กลุ่ม งานเภสัชกรรม เชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่สนใจ เข้าร่วมการประชุมวิชาการ ตามโครงการ สัปดาห์พัฒนาระบบยา โรงพยาบาลพุทธโสธร ในวันที่ 10-14 มิถุนายน 2556 กำหนดการดังนี้ 

วันที่ 10 มิถุนายน 2556 

 9.00 น. – 12.00 น. พิธีเปิด และ การบรรยาย เรื่อง  การบริหารยา ที่มีความเสี่ยงสูง 

 โดย นพ. สันฑิติ โมรากุล คณะแพทย์ศาสตร์ รามาธิบดี

13.00 น.- 16.30 น. เยี่ยมสำรวจหอผู้ป่วยเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่ หอผู้ป่วยศัลยกรรมทั่วไป 8

วันที่  11 มิถุนายน  2556

9.00 น.- 12.00 น.  เยี่ยมสำรวจเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่ หอผู้ป่วยเด็ก

13.00 น.- 16.30 น. เยี่ยมสำรวจเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่ หอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก

วันที่  12 มิถุนายน  2556

9.00 น.- 12.00 น.  เยี่ยมเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่ หอผู้ป่วยอายุรกรรมหญิง 5

13.00 น.- 16.30 น. เยี่ยมสำรวจเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่  งานผู้ป่วยนอก

วันที่  13 มิถุนายน  2556

9.00 น.- 12.00 น.  เยี่ยมสำรวจเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่ หอผู้ป่วย สดย.3

13.00 น.- 16.30 น. เยี่ยมสำรวจเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่ งานผู้ป่วยนอก

วันที่  14 มิถุนายน  2556

9.00 น.- 12.00 น.  เยี่ยมสำรวจเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ได้แก่ ICU อายุรกรรม

13.00 น.- 16.30 น. เวทีเสวนา การเตรียมพร้อมสู่การ Re-accredit โดย ภก.ปรมินทร วีระอนันตกุล ผู้เยี่มสำรวจ สรุปปัญหาและผลการประชุม 

 

                     เปลียนแปลงรายการยาในโรงพยาบาล                                    

 

มีรายการยาเข้าใหม่ในบัญชียาโรงพยาบาลพุทธโสธร ดังนี้

1.  มะขามแขก 

 

รูปแบบยา : ยาแคปซูล มะขามแขก ในยา  1 แคปซูล ประกอบด้วย มะขามแขก 400 mg.

สรรพคุณ : ยาระบาย

วิธีใช้ :  รับประทานครั้งละ 2-4 แคปซูล  ก่อนนอน หรือเมื่อมีอาการท้องผูก

 

ผลการดำเนินงาน ถุงผ้า               

      กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลพุทธโสธร ได้จัดกิจกรรม มอบถุงผ้าใส่ยา ให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง และต้องมาพบแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง  โดยส่งมอบยาใส่ลงในถุงผ้า และอธิบายให้ผู้ป่วยนำยาที่เหลือทั้งหมดใส่ลงในถุงผ้า เมื่อมารับยาครั้งต่อไป เมื่อผู้ป่วยมารับยาพร้อมกับยาที่เหลือในถุงผ้า  เจ้าหน้าที่จะนำยาเดิมที่เหลือมาตรวจสอบสภาพและวันหมดอายุ  หากยามีสภาพที่ดี  จะนำยาเดิมกลับมาใช้กลับผู้ป่วยคนเดิม โดยหักลบยาเดิมจากยาที่แพทย์สั่ง 

      ผลการดำเนินการ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2555- เดือน มีนาคม 2556 เป็นดังนี้

 

 

 



     ซึ่งจากการดำเนิน กิจกรรม ตั้งแต่เดือน ตุลาคม  2555  จนถึง เดือน มีนาคม  2556  มีผู้ป่วย เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งหมด  2,181 คน โรงพยาบาลนำยาเดิมของผู้ป่วย มาใช้กับผู้ป่วย
ทำให้สามารถประหยัดค่ายา ได้  748,454.88 บาท

 

                            ความรู้คู่ยา                                                       

คิดให้ดีก่อนใช้กลูตาไธโอน


     กลูตาไธโอน มีความนิยมในการนำมารับประทาน เพื่อเป็นสารที่ใช้ในการทำให้ผิวขาว แต่ก็พบว่าเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยา ซึ่งล่าสุด พบผู้ป่วยหญิงได้รับผลข้างเคียงจาก การใช้กลูตาไธโอนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการตัวซีด ตาเหลือง ท้องอืด เอนไซม์ ตับสูง ซึ่งผู้ป่วยปฏิเสธการแพ้ยา สารเคมีและอาหาร โดยแพทย์แจ้งว่าผู้ป่วยรับประทาน L-glutathione ชนิดแคปซูล ไม่ทราบชื่อการค้าและขนาด ซื้อจากร้านชํารับประทานต่อเนื่อง ประมาณ 45 วัน เพื่อต้องการให้ผิวขาว แพทย์เฉพาะทางเจาะตับเพื่อหาสาเหตุการเกิดภาวะ ตับอักเสบรุนแรง โดยแพทย์ประเมินความสัมพันธธ์อาการดังกล่าวกับกลูตาไธโอนอยู่ในระดับ น่าจะใช่ (probable) กล่าวคือ ผลข้างเคียงที่ผูัป่วยรายนี้ได้รับน่าจะเกิดจากการใช้กลูตาไธโอน และแพทย์ได้รักษาอาการดังกล่าวให้กับผู่ป่วยรายนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากกรณีดังกล่าวจะเห็น ได้ว่าการนํากลูตาไธโอนไปใช้อย่างไม่เหมาะสมส่งผลทําให้ร่างกายได้รับอันตราย ดังนั้นก่อนจะใช้บริการกลูตาไธโอนควรมีความรู้ ความเข้าใจก่อนตัดสินใจใช้บริการ อันดับแรกเราควรจะรู้ก่อน ว่ากลูตาไธโอนคืออะไร
     กลูตาไธโอน เป็นสารแอนติออกซิเดนซ์ หรือสารที่ต้านอนุมูลอิสระ ร่างกายมนุษย์ จะได้รับสารชนิดนี้จากการบริโภคอาหารประเภทโปรตีน ไข่และนม รวมถึงผลไม้ประเภท อะโวคาโด และจะถูกเก็บไว้ที่ตับ ทั้งนี้สารกลูตาไธโอนเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทําให้ ร่างกายเกิดความสมดุล โดยเฉพาะเมื่อร่างกายต้องรับสารอนุมูลอิสระเข้าไป สารต้านอนุมูล อิสระก็จะช่วยปรับให้สภาพร่างกายเกิดความสมดุล และยังเป็นตัวขจัดของเสีย หรือสารพิษที่เข้า สู่ร่างกาย ตั้งแต่สารปรอท ยาฆ่าแมลง หรือยาบางชนิดที่เราต้องกินเข้าไปและเหลือตกค้าง ตับจะทําหน้าที่ขับสารพิษออกมาโดยสารกลูตาไธโอนมีบทบาทสําคัญในขบวนการดังกล่าว นอกจากนี้ ร่างกายเราสามารถสังเคราะห์สารกลูตาไธโอนขึ้นเองได้ มีคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิด หนึ่ง มีหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วน โดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วน ต่าง ๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยตับในการทําลายและขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทําหน้าที่สังเคราะห์โปรตีน ช่วยให้เม็ดเลือดแดงมีความแข็งแรง ช่วยเร่งการซึมผ่านของ สารอาหารเข้าสู่เซลล์ 

การใช้กลูตาไธโอนทางการแพทย์

     ในทางการแพทย์ได้นํากลูตาไธโอนมาใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทบกพร่อง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคปลายประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร และ มะเร็งต่อมลูกหมาก มานานกว่า 30 ปีรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีที่ภาวะร่างกายอ่อนแอ นํา กลูตาไธโอนมาใช้ในการรักษาผลแทรกซ้อนจากการเกิดโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็ก ผล แทรกซ้อนจากการผ่าตัดที่ทําให้เกิดความผิดปกติการทํางานของไต รักษาความเป็นหมันในเพศ ชาย ช่วยในการรักษากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ป้องกันพิษต่อระบบประสาทเนื่องจากการใช้ยา cisplatin ในผู้ป่วยมะเร็ง ช่วยในโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน ตับแข็ง และเลือดออกในสมอง โดยวิธีการใช้กลูตาไธโอนนั้น ได้ทั้งรับประทาน และการฉีดเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อ ซึ่งต้องอยู่ในความ ดูแลของแพทย์ที่มีความรู้ความชํานาญ นอกจากฉีดแล้ว ยังใช้สูดดมได้ อีกด้วยขึ้นอยู่กับโรคว่าเหมาะกับการใช้สารชนิดนี้ด้วยวิธีการใด 

กลูตาไธโอนทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ 

     จากข้อบ่งใช้ของกลูตาไธโอน จะเห็นได้ว่าไม่มีข้อบ่งใช้ในการทําให้ผิวขาว แต่ที่มีผู้นํา กลูตาไธโอนมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อรับประทานหรือใช้ฉีดเพื่อให้ผิวขาวโดยอาศัย กลไกการออกฤทธิ์ที่อาจอธิบายได้ดังนี้ คือ กลูตาไธโอนไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) เปลี่ยนการสร้างยูเมลานิน (eumelanin) ซึ่งเป็นสีผิวคล้ําเป็น ฟีโอเมลานิน (phaeomelanin)ซึ่งเป็นสีผิวจางหรือผิวขาว  แต่อย่างไรก็ตามการเพิ่ม ฟีดอเมลานิน เม็ดสีขนาดเล็กพบในคนตะวันตก ) ของกลูตาไธโอน ซึ่งทำให้สีผิวจางลง แต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงระดับยีน เมื่อหยุดใช้ กลูตาไธโอน ร่างกายก็จะสร้าง ยูเมลานิน (เม็ดสีที่พบมากในคนผิวคล้ำ) ทำให้ผิวกลับมาคล้ำเช่นเดิม ทั้งนี้การทำให้ผิวขาวของกลูตาไธโอน เป็นเพียงผลข้างเคียงเท่านั้น ยังไม่มีผลงานวิจัยรับรองว่าใช้เป็นยาที่ทําให้ผิวขาวได้ และไม่มีข้อมูลยืนยัน ถึงขนาดที่รับประทาน ระยะเวลา และผลข้างเคียงจากการใช้เป็นเวลานาน อย่างแน่ชัด ทําให้ การใช้กูลตาไธโอนมีความเสี่ยงในเรื่องของการได้ไม่คุ้มเสีย และเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้


ฉีดกลูตาไธโอนทำไม อันตราย !!!


     สารกลูตาไธโอนที่เป็นตัวยาฉีดเข้าร่างกาย อย. ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนตํารับยาแต่ อย่างใด หากแพทยย์นําไปฉีดให้คนไข้ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แม้จะเป็นตัวยานําเข้าหรือลักลอบ ซื้อมาจากต่างประเทศก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น เนื่องจากยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย. และใน ส่วนที่อ้างว่าสารกลูตาไธโอนผ่านการรับรองจาก อย. นั้น ก็เป็นเพียงอนุญาตให้ใช้ในรูปแบบ กรดอะมิโนที่ใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อใช้รับประทานร่วมกับวิตามินเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบํารุงร่างกายเท่านั้น และที่สําคัญไปกว่านั้นคือ ขณะนี้ยังไม่มีงานวิจัยหรือ การศึกษาที่ดีพอที่จะยืนยันได้ชัดเจนว่ากลูตาไธโอนใช้เพื่อทําให้ผิวขาวจริงหรือไม่ รวมถึงขนาดที่ใช้ รับประทาน ระยะเวลา และผลข้างเคียงจากการใช้กลูตาไธโอน ด้วยเหตุนี้เองที่อาจเป็น อันตราย และมีผลข้างเคียงได้หากผู้ใช้หลงเชื่อแต่คําโฆษณาอวดอ้างของผู้ประกอบการ
     การโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณกลูตาไธโอนสามารถพบเห็นได้ตามสถานเสริมความงาม ทั่วไป โดยโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงว่าฉีดสารกลูตาไธโอนเข้าไปในร่างกายแล้วจะเกิดปฏิกิริยาทํา ให้ผิวขาวสวยใส เพื่อหลอกลวงผู้บริโภคให้มาใช้บริการ ทําให้เสียเงินเป็นจํานวนมาก และยัง พบปัญหาการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริงทางเคเบิลทีวี และตามอินเตอร์เน็ต ที่ร้ายไปกว่า นั้น ยังพบว่ามีรถเร่เคลื่อนที่ให้บริการฉีดสารกลูตาไธโอน ตามสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย จึง ขอให้ผู้บริโภคระวังอย่าหลงเช่ือ ให้ตระหนักไว้ก่อนว่าผู้ให้บริการไม่ใช่แพทย์ และอย่าเห็นแก่ ราคาถูก เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย โดยผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายนั้นเกิดจาก การรับประทาน หรือฉีดกลูตาไธโอนเข้าไปในร่างกายส่งผลให้เม็ดสีเมลานินในผิวหนังและที่จอตา ลดลง ทําให้จอตารับแสงได้น้อยลง เสี่ยงต่อการมองเห็นในอนาคต และหากเม็ดสีที่ผิวหนัง ลดลง โอกาสทําให้ผิวเห่ียวยานเร็ว และแก่เร็วขึ้น รวมทั้งเพิ่มความเส่ียงของโรคมะเร็งใน ผิวหนังด้วย
     จากการท่ียังไม่มี ผลการศึกษาที่ชัดเจนและไม่มีหลักฐานการวิจัยเพียงพอสําหรับ กลูตาไธโอนที่ใช้เป็นยาทําให้ผิวขาว อย.จึงยังไม่เคยขึ้นทะเบียนกลูตาไธโอนเป็นยาที่มีข้อบ่งใช้ว่า ทําให้ผิวขาว ดังนั้นควรตระหนักและศึกษาอย่างรอบคอบก่อนการใช้กลูตาไธโอนเพราะ ผลข้างเคียงที่ได้รับจากการใช้นั้นรุนแรงมากอย่างไม่คุ้มที่จะเสี่ยง

reference : 
ปภสั สร ผลโพธิ์. คิดให้ดีก่อนใช้กลูตาไธโอน. [ออนไล]. เข้าถึงได้จาก
http://www.oryor.com/oryor/fact_sheet_group.php?index=&idGroup=2. (วันที่ค้นข้อมูล  10 เมษายน 2556 ).

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

16 february 2015

มกราคม 2560