1 oct 2013


PHARMA  NEWS

ฉบับประจำวันที่ 1 ตุลาคม  2556



ข่าวจากฝ่ายเภสัช

          ยาตัวอย่างในโรงพยาบาล

 Xarelto ® ( rivaloxaban 15  mg.)






ตัวยาสำคัญ : ใน 1 เม็ด ประกอบด้วยตัวยา riaroxaban 15 mg


 ลักษณะยา : ยาเม็ดเคลือบฟิล์มสีแดง กลม นูน ด้านหนึ่งมีโลโก้ BAYER อีกด้านเป็นรูปสามเหลี่ยมคว่ำและตัวเลข   15


กลไกการออกฤทธิ์ : เป็นยากลุ่ม anti-coagulant โดยออกฤทธิ์ ในการยับยั้ง โดยตรงต่อ factor Xa 


คุณสมบัติทางคลีนิก : ใช้ในการป้องกันการเกิด stroke และลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดในผู้ป่วย non-valvular atrial fibrillation  รักษาลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำส่วนลึก (Deep Vein Thrombosis,DVT)  และป้องกันการกลับเป็นซ้ำของ DVT และลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดที่ปอด ( Pulmonary Embolism,PE) หลังการเกิด DVT  ชนิดเฉียบพลัน (acute DVT) ในผู้ใหญ่


ขนาดยา  : 

stroke prevention in atrial fibrillation  20 mg วันละ 1 ครั้ง
ผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่องปานกลาง 15 mg วันละ    1 ครั้ง
venous thrombo embolism 
deep vein thrombosis แบบเฉียบพลัน ขนาดเริ่มต้น 15 mg วันละ  2 ครั้ง เป็นเวลา 3 สัปดาห์  ตามด้วย 20 mg. วันละ 1 ครั้ง สำหรับการรักษาต่อเนื่อง

ข้อห้ามใช้ : ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยาและส่วนประกอบของยา ผู้ที่กำลังมีเลือดออก ผู้ที่มีโรคตับที่มีความเกี่ยวข้องกับความผิดปรกติของการแข็งตัวของเลือด ห้ามใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร


ปฏิกริยากับยาอื่น : ห้ามใช้ร่วมกับยาต้านเชื้อรากลุ่ม azole  แต่ใช้ร่วมกับ fluconazole ได้, ยาต้านไวรัสกลุ่ม Protease Inhibitor



ยากลุ่ม Fluoroquinolone กับ อาการไม่พึงประสงค์

ในการเกิดปลายประสาทอักเสบ 




           คณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศให้มีการปรับปรุงแก้ไขเอกสารกํากับยาและ Medication Guide ของยาฆ่าเช้ือแบคทีเรีย กลุ่ม fluoroquinolone ทุกชนิด โดยให้เพิ่มข้อความเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดอาการ ปลายประสาทอักเสบ(Peripheral neuropathy) ท่ีอาจเกิดได้อย่างถาวร ภายหลังจากรับประทานยาดังกล่าว
          Peripheral neuropathy เป็นอาการอักเสบที่เกิดบริเวณปลายประสาทของแขนและขา เช่น พบอาการปวด เกิดรอยไหม้ อาการชา หมดแรง และมีการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดจากการสัมผัสแสงแดด  อุณหภูมิ เป็นต้น อาการดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หลังจากได้รับยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม fluoroquinolone ทุกชนิด เช่น levofloxacin, ciprofloxacin, moxifloxacin, norfloxacin, ofloxacin และ gemifloxacin เป็นต้น และสามารถมีอาการคงอยู่ได้นานเป็นเดือน หรือ ปี ภายหลังจากหยุดยา ดังน้ัน ผู้ป่วยควรใช้ยานี้อย่างระมัดระวัง และบุคลากรทางการแพทย์ควรมีการเฝ้าระวังอาการดังกล่าว 
เพ่ิมมากขึ้น
      ฐานข้อมูลทะเบียนของประเทศไทยพบทะเบียนยาในกลุ่ม fluoroquinolone รวมทั้งหมด 762 ตํารับ ได้แก่ levofloxacin 31 ตํารับ, ciprofloxacin 264 ตํารับ, moxifloxacin 8 ตํารับ, norfloxacin 379 ตํารับ, ofloxacin 73 ตํารับ, besifloxacin 1 ตํารับ, gatifloxacin 1 ตํารับ, pefloxacin 1 ตํารับ, prulifloxacin1ตำรับ, rufloxacin1ตํารับ และ sitafloxacin 2 ตำรับ
    ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบรายงานการเกิด Peripheral neuropathy จากยาในกลุ่ม fluoroquinolone ทั้งหมด 571 ฉบับ ได้แก่ levofloxacin 260 ฉบับ, ciprofloxacin 200 ฉบับ, moxifloxacin 80 ฉบับ, norfloxacin 8 ฉบับ, ofloxacin 27 ฉบับ, gatifloxacin 8 ฉบับ, pefloxacin 1 ฉบับ, gemifloxacin 1 ฉบับ, enoxacin 1 ฉบับ, lomefloxacin 1 ฉบับ, fleroxacin 1 ฉบับ, sparfloxacin1ฉบับ และ trovafloxacin15ฉบับ
          ฐานข้อมูลเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ของประเทศไทย พบรายงานการเกิด Peripheral neuropathy จากยาในกลุ่ม fluoroquinolone ทั้งหมด 1ฉบับโดยเป็นยาที่สงสัย  levofloxacin
          ยาในบัญชียาโรงพยาบาลพุทธโสธร ที่เป็นยาในกลุ่ม  fluoroquinolone ได้แก่ levofloxacin tablet 250 mg. , levofloxacin injection 250 mg. (Cravit ), Ciprofloxacin Hcl tablet 250 mg., Ciprofloxacin lactate injection 200 mg/50 ml., ofloxacin 200 mg. tablet

reference

1. http://thaihpvc.fda.moph.go.th/thaihvc/Public/main.jsf
2.http://www.fda.gov/Safety/MedWatch/SafetyInformation/SafetyAlertsforHumanMedical Products/ucm365302.htm


ผลการดำเนินงาน ถุงผ้า งานบริการเภสัชกรรมผู้ป่วย นอก            

       

          กลุ่ม งานเภสัชกรรม โรงพยาบาลพุทธโสธร ได้จัดกิจกรรม มอบถุงผ้าใส่ยา ให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง และต้องมาพบแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง  โดยส่งมอบยาใส่ลงในถุงผ้า และอธิบายให้ผู้ป่วยนำยาที่เหลือทั้งหมดใส่ลงในถุงผ้า เมื่อมารับยาครั้งต่อไป เมื่อผู้ป่วยมารับยาพร้อมกับยาที่เหลือในถุงผ้า  เจ้าหน้าที่จะนำยาเดิมที่เหลือมาตรวจสอบสภาพและวันหมดอายุ  หากยามีสภาพที่ดี  จะนำยาเดิมกลับมาใช้กลับผู้ป่วยคนเดิม โดยหักลบยาเดิมจากยาที่แพทย์สั่ง ทำให้ผู้ป่วยได้ใช้ยาเดิมจนหมด ป้องกันการใช้ยาที่เสื่อมสภาพ หรือหมดอายุ และลดค่าใช้จ่ายด้านยาของโรงพยาบาลได้อีกด้วย

         ผลการดำเนินการ ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2555- เดือน สิงหาคม  2556 เป็นดังนี้

          มีผู้ป่วยที่ได้ทำกิจกรรมถุงผ้า  ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2555 จนถึง เดือน สิงหาคม  2556   รวมทั้งสิ้น   3,955    คน จำนวนผู้ป่วยในแต่ละเดือน ดังกราฟ

กราฟแสดงจำนวนผู้ป่วยที่ทำกิจกรรมถุงผ้าในแต่ละเดือน




            

กราฟแสดงมูลค่ายาที่ประหยัดได้จากกิจกรรมถุงผ้าในแต่ละเดือน




    มูลค่ายาที่โรงพยาบาลประหยัดได้ จากการทำกิจกรรมถุงผ้า   ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2555 จนถึง เดือน สิงหาคม 2556   
รวมทั้งสิ้น      1,370,233  บาท



ทบทวนความเสี่ยง เพื่อการป้องกันเชิงระบบ

          พบความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา ที่เกิดจากการเขียนคำสั่งใช้ยาที่ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาในขนาดที่สูงกว่าขนาดที่เคยได้รับ และผลการรักษาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย  รายละเอียดดังนี้
          วันที่ 3 มิถุนายน 2556 ผู้ป่วยมาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอก ประวัติ กินยา warfarin ขนาด 24 mg/สัปดาห์ ซึ่งเป็นขนาดที่ INR on target ได้มีการสั่งยา โดยเขียนว่า 5 mg. 1/2 x hs , warfarin 3 mg. 1/2 x hs แล้วเขียนปีกกา " ทุกวัน เว้นวันจันทร์ " แต่เขียนทุกวัน ไว้บรรทัดเดียวกับขนาด 5 mg. แล้วเขียน เว้นวันจันทร์ ไว้บรรทัดเดียวกับขนาด  3 mg . ห้องยาจึงจ่ายยาไป โดย ให้กินยา warfarin 5 mg. 1/2 x hs ทุกวัน และ warfarin ขนาด 3 mg  1/2 x hs ทุกวัน เว้น วันจันทร์  ขนาดยาที่ได้รับ เป็น 26.5 mg/สัปดาห์
          วันที่ 29 กรกฎาคม 2556 ผู้ป่วยมาตรวจตามนัด พบค่า INR = 3.72 แพทย์ส่งพบเภสัชกร เพื่อหาสาเหตุที่ค่า INR สูงขึ้น  จึงพบความคลาดเคลื่อนดังกล่าว

          การแก้ไขป้องกัน
1. แจ้งแพทย์ทราบถึงสาเหตุของความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้น  
2. แพทย์ปรับขนาดยาของผู้ป่วยให้เป็นขนาดเดิมที่เคยได้รับ คือ 24 mg./สัปดาห์ 
3. ทบทวนเหตุการณ์ในกลุ่มงานเภสัชกรรม กำหนดให้ ผู้ป่วยที่ได้รับยา warfarin ทุกราย ต้องพบเภสัชกรห้องให้คำปรึกษาแนะนำการใช้ยา เพื่อทบทวนข้อมูลการกินยาของผู้ป่วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

16 february 2015

มกราคม 2560