16 september 2013


PHARMA  NEWS

ฉบับประจำวันที่ 16 กันยายน  2556



ข่าวจากฝ่ายเภสัช



เปลี่ยนแปลงรายการยาในโรงพยาบาล


1. Amlodipine tablet. 

          เปลี่ยนแปลงความแรงยา จากยา Amlodipine  10 mg. เปลี่ยนเป็น Amlodipine 5 mg.  ผลิตและจำหน่ายโดย บริษัท เบอร์ลินฟาร์มาซูติคอลอินดัสตรี้ จำกัด ดังภาพ



ยาใหม่ 


รายการยาเข้าใหม่ในโรงพยาบาล


1. Roflumilast 500 micrograms. (Daxas ®

ตัวยาสำคัญ : roflumilast 500 microgram.

ลักษณะยา : ยาเม็ดเคลือบฟิล์ม สีเหลือง ด้านหนึ่งมีรอยบากตัวอักษร D อีกด้านหนึ่งเรียบ

ข้อบ่งใช้ในการรักษา : ใช้สำหรับรักษาแบบประคับประคอง ในโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังอย่างรุนแรง 

ขนาดและวิธีการใช้ยา : ขนาดยาที่แนะนำคือ roflumilast 500 microgram. วันละ  1 ครั้ง อาจจำเป็นต้องรับประทานหลายสัปดาห์จึงจะเห็นผล

ข้อห้ามใช้ : 
 - ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยาต่อยา  roflumilast หรือสารประกอบอื่นในยานี้
 - ผู้ป่วยที่มีตับบกพร่องปานกลางหรือรุนแรง

อาการไม่พึงประสงค์ : อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ท้องเสีย ( 5.9%), น้ำหนักลด (3.4%), คลื่นใส้ (2.9%), ปวดท้อง (1.9%) และปวดศรีษะ  (1.7%) อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเล็กน้อยหรือปานกลาง และส่วนมากเกิดขึ้นภายในสัปดาห์แรกของการรักษา และส่วนใหญ่หายเองได้เมื่อรักษาต่อไป









Roflumilast 500 micrograms



 2. Progesterone 200 mg. (UTROGESTAN ® 


ตัวยาสำคัญ : Micronised Progesterone 200 mg. 

ลักษณะยา :  แคปซูลนิ่มสีขาว สำหรับให้ทางปากหรือสอดทางช่องคลอด

ข้อบ่งใช้ในการรักษา :  ใช้รักษาโรคภาวะขาด Progesterone 
ยานี้ให้ทางปาก สำหรับอาการทางนรีเวชดังนี้
- อาการผิดปรกติของประจำเดือน ขาดประจำเดือน (Amenorrhea) หรือมีเลือดออกมากผิดปรกติ
- อาการก่อนมีประจำเดือน
- เลือดออกทางช่องคลอด (เนื่องจากมีเนื้องอก)
- อาการขาดฮอร์โมนในสตรีวัยหมดประจำเดือน
ยานี้ให้โดยการสอดใส่ในช่องคลอด
- ในรายแท้งบุตรซ้ำซาก
- การผสมเทียมนอกร่าง (In-vitro fertilization, IVF)

ขนาดและวิธีการใช้ยา :  ไม่ควรให้ยานี้เกินกว่า ครั้งละ  200 mg. 
สำหรับอาการขาดฮอร์โมน Progesterone วันละ  200-300 mg. โดยอาจแบ่งให้ 1 หรือ 2 ครั้ง
กรณีช่วยให้ตั้งครรภ์ สำหรับผู้ที่ทำ IVF  อาจเพิ่มขนาดถึงวันละ 600 mg. โดยแบ่งให้ 3 ครั้ง

ข้อห้ามใช้ : ห้ามในผู้ที่แพ้ยาหรือสารประกอบในยานี้ , ห้ามใช้โดยวิธีการรับประทานในรายที่เป็นโรคตับ thromboembolic disorder,  มีเลือดออกในสมอง

อาการไม่พึงประสงค์ : 

เมื่อให้ทางปาก  :  อาจทำให้ง่วงนอน, มึนงง อาจเกิดภายใน   1-3 ชั่วโมงแรก, ประจำเดือนมาไม่ปรกติ, ประจำเดือนขาด หรือกระปริบกระปอย
          กรณีเช่นนี้ควรจะ ลดขนาดยาลง, ปรับวิธีการให้, เปลี่ยนมาให้ทางช่องคลอด อย่างไรก็ตาม ทุกกรณีไม่ควรให้เกินกว่าครั้งละ 200 mg. 




Progesterone 200 mg

สรุปการทำกิจกรรม  Medication Reconciliation ผู้ป่วยใน
          กลุ่ม งานเภสัชกรรม โรงพยาบาลพุทธโสธร ได้มีการดำเนินกิจกรรม ทบทวนการใช้ยาของผู้ป่วย ที่เป็นโรคเรื้อรัง เมื่อเข้าทำการนอนรักษาตัว เป็นผู้ป่วยใน โรงพยาบาล  โดยเปรียบเทียบ ยาที่ผู้ป่วยได้รับทั้งหมด ตั้งแต่อยู่ที่บ้าน รับยามาจากโรงพยาบาลอื่น ยาที่แพทย์สั่งขณะที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล และยาที่แพทย์สั่งเมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน เพื่อลดความคลาดเคลื่อนจากการใช้ยา  ทำให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างต่อเนื่อง ลดความซ้ำซ้อนจากการกินยา ได้มีการดำเนินการครอบคลุมทุกหอผู้ป่วย อย่างเป็นระบบ สามารถสรุปผลการดำเนินการ เดือน สิงหาคม  2556 ดังนี้
     มีผู้ป่วยที่มียาเดิม ที่ต้องทบทวนการใช้ยาทั้งหมด 77 ราย ได้มี การทบทวนการใช้ยาของผู้ป่วย 65 ราย คิดเป็นร้อยละ 84.42 หอผู้ป่วยที่มีการทบทวนใบสั่งยา มากที่สุด คือ หอผู้ป่วยอายุรกรรม  47  รายละเอียดดังกราฟ

กราฟแสดงจำนวนผู้ป่วย (ราย) ในหอผู้ป่วยที่ทำ Medication Reconciliation






            จากการดำเนินกิจกรรม พบว่า ยังไม่สามารถติดตาม ทบทวนการใช้ยาของผู้ป่วยคลอบคลุม 100 % เนื่องจากผู้ป่วยบางรายที่มีประวัติกินยาโรคเรื้อรัง และมานอนรักษาในโรงพยาบาลในเวลาสั้น เมื่อเภสัชกร ไปที่หอผู้ป่วยเพื่อทบทวนการใช้ยา พบว่าผู้ป่วยได้จำหน่ายออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยกลุ่มที่มีการใช้ยาโรคเรื้อรังมากที่สุด คือ ผู้ป่วยกลุ่ม อายุรกรรม ในเดือน สิงหาคม 2556 มีผู้ป่วยที่ต้องทำการติดตามการใช้ยา 47 ราย สามารถติดตามการใช้ยาได้  45 ราย คิดเป็น ร้อยละ 95.74 

ความรู้คู่ยา

          คณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศแจ้งเตือน การเกิดอาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนังที่รุนแรง จากยา acetaminophen หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ พาราเซตตามอล ที่ใช้ในการรักษา อาการปวด ลดไข้ ที่มีการสั่งใช้ยากันอย่างแพร่หลาย และยาชนิดนี้ผู้ป่วยยังสามารถหาซื้อได้เอง จากร้านขายยา 
          การเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดน้อย แต่มีอาการรุนแรง ได้แก่ อาการ Steven-Johnson Syndrome ( SJS), Toxic epidermal necrolysis ( TEN ) , Acute generalized exanthemalous pustulosis (AGEP ) ซึ่งหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ จะทำให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้  โดย ผู้ป่วยจะมีอาการผิวหนังแดง คัน พุพอง ผิวหนังแตก อาการดังกล่าวเกิดได้จากการใช้ยาเป็นครั้งแรก หรือเคยได้รับยามาก่อนก็อาจเกิดอาการได้เช่นกัน ซึ่งหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้น ต้องหยุดยาทันที และไม่ควรกลับไปใช้ยาอีก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาเลือกยาชนิดอื่นมาใช้ทดแทน เป็น ยาในกลุ่ม ต้านการอักเสบ ที่เรียกว่า Non-steroidal anti inflamatory drugs ( NSAIDs ) เช่น Ibuprofen, Naproxen แต่ยากลุ่มนี้ก็มีความเสี่ยงในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนังได้เช่นกัน
          บุคลากรทางการแพทย์ต้องตระหนักและเฝ้าระวังอันตรายจากการใช้ยา พาราเซตตามอล และยาอื่นๆที่อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนังที่รุนแรง ในการประเมินผู้ป่วย ที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้น
          ข้อมูลที่ได้ มาจากการทบทวน ฐานข้อมูลของผู้ป่วยที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนังที่รุนแรง ของหน่วยงาน FDA adverse event reporting system ( FAERS ) ที่สัมพันธ์กับการใช้ยา พาราเซตตามอล ซึ่งยาชนิดนี้เป็นยาที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย ใช้ในท้องตลาดมาเป็นเวลานาน โอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล, ระยะเวลาที่ได้รับยา อย่างไรก็ตาม อาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนังที่รุนแรง ที่เกิดขึ้น ก็มีโอกาสเกิดได้น้อย
          องค์การอาหารและยา ประเทศ สหรัฐอเมริกา จะต้องให้ผู้ผลิตและจำหน่ายยา พาราเซตตามอล เพิ่ม คำเตือนลงในฉลากยา เรื่อง ความเสี่ยงในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนังที่รุนแรงด้วย

ตัวอย่างผื่นแพ้ยาชนิดต่างๆ

ผื่นแพ้ยาแบบ Toxic Epidermal Necrolysis


ผื่นแพ้ยาแบบ Toxic Epidermal Necrolysis


ผื่นแพ้ยาแบบ Acute generalised exanthemalous pustulosis 




 ผื่นแพ้ยาแบบ Acute generalised exanthemalous pustulosis 




reference : [online]  เข้าถึงได้จาก    http://www.fda.gov/Drugs/DrugSafety/ucm363041.htm               


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

16 february 2015

มกราคม 2560